อีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าสู่ช่วงปีใหม่ หนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่หลายคนคงกำลังเตรียมตัวเปลี่ยนผมทรงใหม่กันอยู่ … นี่จึงเป็นโอกาสดีที่ร้านตัดผมต้องอัพเดทเทรนด์ทรงผมใหม่ๆ เอาไว้เป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่กำลังจะมาตัดผมเสริมหล่อ เปลี่ยนลุคในช่วงสิ้นปี วันนี้เราเลยรวบรวม 5 ทรงผมผู้ชายสไตล์เกาหลีสุดฮิตมาฝากกันค่ะ
1. ทรง Two Block
ทรงที่ฮิตสุดๆในช่วง 1-2 ปีนี้ และมีแนวโน้มจะฮิตยาวถึงปีหน้า คงหนีไม่พ้นทรง Two Block ความโดดเด่นของทรงนี้คือการไว้ผมด้านบนให้ยาวประมาณ 4-5 นิ้ว ด้วยการตัดแบบ Slide Cutting เพื่อผมจะได้ตกลงมาได้อย่างพอดี และแสกข้างแบบ 70/30 ส่วนด้านข้างใช้วิธีการตัดแบบ Undercut แต่ต่างกันที่ทรงนี้จะไม่ไถสูงค่ะ
2. ทรง Mullet
เป็นอีกหนึ่งทรงที่มาแรงแซงทางโค้งมากๆ เมื่อเหล่าไอดอลนักร้องสายแร็ป และนายแบบเกาหลี ลุกขึ้นมาตัดทรงนี้กันจนเป็นกระแส ทำให้เหล่าเด็กแนวบ้านเราลุกขึ้นมาเอาบ้าง! ทรง Mullet 2020 จะต่างกับทรง Mullet ในช่วง 80s ตรงที่ ทรงนี้จะเปิดข้างแบบ Undercut และด้านหลังจะปล่อยให้ยาวเป็นรากไทรจนถึง เป็นทรงเท่ๆ ที่แฝงไปด้วยความขบถนิดๆค่ะ
3. ทรง Comma
จากกระแสความฮิตของซีรีย์ It's Okay to Not Be Okay ของพระเอกซุปตาร์ “คิมซูฮยอน” ทำให้ผมทรงนี้มาแรงมากในครึ่งปีหลัง และมีแนวโน้มจะฮอตฮิตยาวไปจนถึงปีหน้า ผมทรงนี้มีความโดดเด่น ที่ผมด้านบนจะถูกแซกแบบ 50/50 หรือ 70/40 ส่วนผมหน้าจะถูกม้วนลงมา ให้โค้งเป็นเครื่องหมายคอมม่า โดยการตัดทรงนี้มักจะตัดเป็นรองทรงต่ำค่ะ
4. ทรง Crop Top
ทรง Crop Top กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง เมื่อ “พัคแซรอย” นักแสดงนำชาย จากซีรีย์เกาหลีชื่อดัง Itaewon Class ได้ตัดผมทรงนี้ ส่งผลให้ไอดอลเกาหลีหลายคนนิยมตัดตามจนเกิดเป็นกระแสในโลกออนไลน์ ส่วนคนไทยมักจะคุ้นกับชื่อเรียกทรงนี้ว่า “กะลาครอบ” นั่นเอง ทรงนี้จะตัดสั้นทั้งหัว แล้วเหลือช่วงบนเอาไว้ให้มีความยาวประมาณหนึ่ง ซึ่งจุดเด่นของทรงนี้คือ ผมหน้าม้าสั้นๆ ที่เหลือปิดหน้าผากเพียงเล็กน้อยค่ะ
5. ทรง Messy mid-length
ปิดท้ายด้วยทรงบ๊อบชาย สไตล์เซอร์ๆ ที่กลับมาฮิตอีกครั้งหลังช่วงกักตัวจากโรค Covid-19 ผมทรงนี้จะต้องเลี้ยงผมให้ยาวตั้งแต่ติ่งหูถึงบ่า โจทย์ของช่างตัดผมคือต้องตัดทรงนี้ให้ดูยุ่งอย่างเป็นธรรมชาติ การเล็มปลายผมแบบ Slide Cutting จึงเหมาะกับทรงนี้ และจะดีมากๆ หากใช้การดัดถาวรเข้ามาช่วย จะทำให้ผมมีวอลลุ่ม ดูละมุน ลงตัว และอย่าลืมแซกกลางเพื่อเพิ่มความมีสไตล์ให้ทรงนี้ด้วยนะคะ
อ่านบทความอื่นๆเพิ่มติมได้ที่ https://www.sereechaibeauty.com/blog