Facebook Pixel Code
การทำเล็บก็มีที่มา ไปดูกันว่ามาจากที่ใด

การทำเล็บก็มีที่มา ไปดูกันว่ามาจากที่ใด

      เรื่องของเล็บไม่ใช่เรื่องขี้เล็บแน่นอน เพราะถ้าสืบย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นเราจะพบว่า การทำเล็บเป็นศิลปะของชนชั้นสูงในสมัยโบราณ ก่อนจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมแฟชั่นบนปลายนิ้วในปัจจุบัน
      การทำเล็บ หรือภาษาอังกฤษใช้ว่า Manicure มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน คำว่า Manus แปลว่า มือ และ Cura แปลว่า การดูแล นำมารวมกันจึงหมายถึง การดูแลมือและเล็บ นั่นเอง
      หากย้อนไปสัก 6,000 ปีที่แล้ว เริ่มต้นจากสาวชาวอียิปต์และจีนมีการใช้สีทาเล็บทำจากด้วงบดย้อมสีก่อน จากนั้น 4,000 ปีต่อมา ได้พบบันทึกของชาวอียิปต์โบราณ มีการพ่นสีแดงบนพวงแก้ม รอบดวงตา และทำเฮนน่าในช่วงแขนและฝ่ามือ รวมถึงนำทองคำบริสุทธิ์มาตกแต่งเล็บด้วย พร้อมทั้งพบเครื่องมือทำเล็บในสุสานเป็นหลักฐานยืนยัน โดยเชื่อกันว่า ชาวอียิปต์โบราณไว้เล็บยาวทาสีแดงก็เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความอิสระ ไม่ตกเป็นทาสแรงงานใคร ดังนั้นการตกแต่งเล็บจึงเป็นการแสดงสถานะของชนชั้นสูงในสังคมสมัยก่อน สำหรับชาวจีน การทำเล็บและทาเล็บก็ถูกสงวนไว้สำหรับขุนนางและชนชั้นสูงเช่นกัน โดยสมัย 3,000 ปีที่แล้วนั้น ชาวจีนใช้ทองคำ เงิน โลหะ ส่วนผสมของดอกไม้ ยางไม้ หรือขี้ผึ้ง มาทาเคลือบเล็บให้สวยงาม และนิยมทาสีแดงหรือสีดำ อันเป็นสีบ่งบอกสถานะทางสังคม จึงกล่าวได้ว่า อียิปต์ถือเป็นผู้นำเทรนด์ของการทำเล็บเป็นกลุ่มแรกของโลก

      จนมาถึงสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 การทำเล็บเริ่มเป็นที่แพร่หลายจากชนชั้นสูงมายังกลุ่มดาราฮอลลีวู้ด ภาพเฉิดฉายของพวกเธอกับสีสันของเล็บอันสวยงามได้ปรากฏบนหน้าจอภาพยนตร์ ทำให้ผู้หญิงทั่วโลกต่างหันมาสนใจการทำเล็บและมองหาสีทาเล็บกันเป็นการใหญ่ ส่งผลให้วงการแฟชั่นเกิดความคึกคัก เพราะจากนั้นการทำเล็บและทาเล็บแบบมืออาชีพก็ได้เข้ามามีบทบาทหรือเป็นส่วนหนึ่งของเรือนกายหญิงสาว นอกเหนือจากเสื้อผ้า หน้าผม และเครื่องประดับอื่นๆ โดยเฉพาะช่วงปลายศตวรรษที่ 20 บรรดาคนดังอย่าง ริฮานนา, เคที เพอร์รี หรือบียอนเซ่ ขึ้นไปอวดโฉมศิลปะบนปลายนิ้วบนพรมแดง หรือแม้แต่ศิลปินชายอย่าง อดัม แลมเบิร์ต ก็ลงทุนทาสีเล็บด้วย ก็ยิ่งส่งให้เทรนด์การตกแต่งเล็บมาแรงยิ่งขึ้นอีก

ในเวลาที่ทาบทับกัน หรือราวปี 1870 นับจากเกิดซาลอนทำเล็บขึ้นที่แรก ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และไม่นานยังมีช่างเล็บอเมริกันชื่อดังเปิดร้านทำเล็บขึ้นที่แมนแฮตตัน ในกรุงนิวยอร์ก พร้อมๆ กับบริษัทผลิตยาทาเล็บมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องหลายแห่ง ก็ได้สะท้อนให้เห็นว่า พัฒนาการของร้านเล็บ การทำเล็บ และผลิตยาทาเล็บเริ่มต้นและประสบความสำเร็จเคียงคู่กันมาตลอด ทุกวันนี้ทั้งการทำเล็บและยาทาเล็บจึงมีรูปแบบและเฉดสีให้เลือกสรรมากมายพอๆ กัน

      เมื่อการทำเล็บแพร่หลายไปในกลุ่มผู้หญิงทั่วไป โดยมีบริษัทยาทาเล็บนำเสนอน้ำยาและอุปกรณ์ซ่อมเล็บเข้ามาในท้องตลาดกว้างขึ้น สุภาพสตรีที่ไม่จำเป็นต้องมั่งคั่งก็สามารถซื้อหามาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน และกลายเป็นที่นิยมมาจนถึงทุกวันนี้
      นอกจากนั้นการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อมปัจจุบัน ไม่เพียงทำให้ผู้หญิงที่มีบทบาทในการทำงานนอกบ้าน ดูแลตนเองทั้งการทำเล็บและทาเล็บให้สวยงามดูดีเท่านั้น แม้แต่ผู้ชายเองก็หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลเล็บและทำเล็บเช่นกัน เนื่องจากพวกเขามองเห็นว่า การดูแลเล็บที่ดีสามารถสร้างเสริมบุคลิกภาพ ความมั่นใจ ความสมบูรณ์แบบ และต่อยอดความสำเร็จได้ จึงไม่น่าแปลกใจ ทำไมซาลอนและบาร์เบอร์ทั้งหลายจึงเปิดบริการด้านนี้กันอย่างถ้วนทั่ว

 

Tags

เลือกจากหมวดหมู่

เรื่องน่ารู้

ฮวงจุ้ยร้านเสริมสวย ทำอย่างไรให้รวย

ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์ที่เก่าแก่ของจีน มีความหมายว่า "อยู่อาศัยให้สอดคล้อง" คำว่า "ฮวงจุ้ย" มาจากคำว่า ลม(ฮวง) และน้ำ(จุ้ย) ฮวงจุ้ยอาศัยหลักการของการไหลเวียนของพลังงานบนผืนโลก(พลังซี่) โดยพื้นฐานก็คือการสร้างสมดุลย์ระหว่างลมกับน้ำ โดยอาศัยผู้เชี่ยวชาญนักพยากรณ์ฮวงจุ้ย ซึ่งสามารถอ่านพลังงานของชี่และแหล่งที่มาของชี่ให้ออกเพื่อเสริมการนำเข้าหรือปิดกั้นให้ชี่ที่ดีสามารถเข้าได้และถ่ายเทชี่ที่เสีย สำหรับร้านเสริมสวยก็เหมือนกับที่อยู่อาศัยหรือบริษัทห้างร้าน หากเรารู้ฮวงจุ้ย ก็จะเสริมให้กิจการ